จิตใจของเราก็ไม่ต่างอะไรกับร่างกายที่สามารถป่วยหรือไม่สบายได้ บางคนป่วยมากบางคนป่วยน้อยเช่นเดียวกับอาการทางร่างกาย แต่ทุกอาการป่วยต้องได้รับการรักษาทั้งสิ้นเพื่อให้หายเป็นปกติ ในสังคมไทยยังมีความเชื่อผิดๆ อยู่มากโดยเฉพาะในเรื่องของการไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาปัญหาทางจิตใจ สังคมไทยจะมองว่าการไปหาจิตแพทย์คือผู้ป่วยเป็นโรคบ้าเหมือนกับภาพที่เห็นในโทรทัศน์ คือ มีอาการเสียสติ วิกลจริต ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์ คนที่ไปพบจิตแพทย์ใช่ว่าจะต้องเป็นบ้าแบบนั้นเสมอไปทุกคน บางคนอาจจะมีภาวะเครียด นอนไม่หลับหรือเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งคนเหล่านี้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้เช่นคนปกติทั่วไป เพียงแต่เขามีปัญหาในเรื่องจิตใจซึ่งต้องได้รับความช่วยเหลือและแก้ไข
ขั้นตอนการพบจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา
1.เมื่อท่านมีอาการผิดแปลกไปจากเดิมในเรื่องของความคิด ความรู้สึกหรือนอนไม่หลับเป็นเวลานาน และรู้สึกว่าต้องการได้รับความช่วยเหลือ ให้ปรึกษาคนใกล้ชิดที่สุดหรือค้นหาโรงพยาบาลที่มีแผนกจิตเวชโดยท่านสามารถเดินทางไปได้สะดวก เพราะในการรับยาท่านต้องมาเป็นประจำทุกเดือนตามหมอสั่ง ถ้าเลือกโรงพยาบาลไกลๆ เดินทางลำบากท่านอาจจะเหนื่อยจนไม่อยากไปหาอีก
2.เมื่อไปถึงก็กรอกประวัติคนไข้ให้เรียบร้อย ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดัน ตรวจสุขภาพในเบื้องต้น
3.ห้องแรกที่ท่านต้องเจอคือการพูดคุยซักถามประวัติทั่วไปกับนักจิตวิทยา ในห้องนี้นักจิตวิทยาจะคุยกับท่านในเบื้องต้น ขออย่าได้อายจงพูดความจริงและความรู้สึกออกไปให้หมด นักวิทยาจะทำการเขียนข้อมูลลงประวัติ เพื่อส่งต่อไปให้จิตแพทย์ในห้องนี่ท่านจะเจอในครั้งแรกเพียงครั้งเดียว
4.ห้องสุดท้าย คือ การเข้าพบปรึกษาปัญหากับจิตแพทย์ ขอให้ท่านระลึกไว้เสมอว่า อย่าอายต้องพูดถึงปัญหารวมถึงพูดความรู้สึกต่างๆ ที่ท่านรู้สึกให้ออกไปมากที่สุด เพื่อการวิเคราะห์ปัญหาและการวินิจฉัยโรคจะได้เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ
5.เมื่อจิตแพทย์ทำการวิเคราะห์ปัญหาในจิตใจของท่านเรียบร้อยแล้วเขาก็จะนัดวันในเดือนถัดไป
6.ออกมารับยาตามที่แพทย์สั่ง พร้อมกับกลับบ้านได้
เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่องท่านต้องรับยาตลอด จนกว่าจิตแพทย์จะประเมินจิตใจของท่านว่าดีขึ้นหายเป็นปกติ ถึงหยุดการรักษาได้ การไปหาจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องอันน่าอายอีกต่อไป บางคนป่วยเป็นโรคทางจิตแต่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองป่วย หรือไม่กล้าไปรักษา เพราะกลัวโดนด่าหาว่าเป็นบ้าจนบางครั้งร้ายแรงถึงขนาดฆ่าตัวตายไปเลยก็มี เพราะฉะนั้นเราไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์อันน่าเศร้านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ป่วยกายไปพบแพทย์ ป่วยใจก็ไปพบจิตแพทย์กันนะคะ