การมีอายุมากขึ้นจะทำให้คุณพบกับความท้าทายในการรักษาสุขภาพ และจิตใจของคุณมากขึ้น คุณอาจพบว่าเป็นการยากที่จะรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา ระหว่างปี 2015 และปี 2050 จำนวนผู้ใหญ่ที่อายุ 60 ปีขึ้นไปทั่วโลกมีจำนวนเกือบสองเท่าจาก 900 ล้านถึงสองพันล้านคน นี่จะทำให้พวกเขาเป็นกลุ่มประชากรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ช่วยให้เรามีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น นั่นหมายความว่าผู้คนจำนวนมากอาจเริ่มประสบภาวะเรื้อรังต่าง ๆ มากขึ้นโดยเฉพาะด้านจิตใจ ในขณะที่สุขภาพกายและสุขภาพจิตในวัยผู้สูงอายุเป็นจุดสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากประชากรโลกมีอายุที่ยืนยาวมากขึ้น
ปัจจุบันมีเพียง 20% ของผู้ใหญ่ที่มีอายุเกิน 65 ปีได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับสภาพจิตใจโดยตรง ที่ต้องได้รับการรักษาแบบพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งอาจรวมถึงภาวะสมองเสื่อมภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล ในบ้านพักคนชรากว่า 50% ของผู้อยู่อาศัยมีความบกพร่องทางสติปัญญาบางประเภทที่อาจทำให้สุขภาพกาย และสุขภาพจิตแย่ลงตาม ๆ กันไป
แม้จะมีความเข้าใจว่าสุขภาพจิตในผู้สูงอายุเป็นสิ่งที่น่ากังวลเป็นห่วง แต่ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไปไม่ยอมเข้ารับการรักษาด้วยตนเอง ซึ่งอาจเนื่องมาจากหลายสาเหตุปัจจัย อย่างเช่นการเข้าถึงการรักษาที่จำกัด ผู้สูงอายุอาจเลือกที่จะไม่แสวงหาการรักษา เพราะไม่อยากเดินทางไกล หรือไม่สามารถเดินทางไกลได้ ในอีกส่วนคือกลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอจะนำมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล ส่วนต่อมาคือความอาย ไม่อยากให้คนอื่นรู้ คนรุ่นก่อน ๆ จะมีความเป็นส่วนตัวสูง และมักไม่อยากขอความช่วยเหลือจากใคร อาจทำให้รู้สึกว่าการแสวงหาความช่วยเหลือในการรักษาสุขภาพจิตเป็นสัญญาณแสดงออกของความอ่อนแอ สุดท้ายคือการขาดทรัพยากร หรือเครื่องไม้เครื่องมือ ความรู้ต่าง ๆ ในการช่วยเหลือเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ซึ่งทุกวันนี้มักจะน้อยลงขึ้นทุกวัน ๆ และนี่คือสิ่งที่ควรมีสำหรับการช่วยรักษาสุขภาพจิตใจของผู้สูงอายุ ได้แก่
หาสัตว์เลี้ยงให้อยู่เป็นเพื่อน
พบว่าการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถเพิ่มกิจกรรมทางกายภาพของ ช่วยลดความเหงา จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมอนทาน่ากล่าวว่ามีอุปสรรคบางอย่างในการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีรายได้น้อย แต่เริ่มมีโครงการอื่น ๆ ที่กำลังทำงานอย่างสร้างสรรค์เพื่อค้นหาแนวทางแก้ไขสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งปัญหาหลัก ๆ คือค่าใช้จ่าย และการรักษาเมื่อสัตว์เลี้ยงป่วย
การเข้าสังคม การพูดคุยกับคนรอบข้าง
การวิจัยเผยให้เห็นว่าการทำกิจกรรมทางสังคม มีเป้าหมายทางสังคมเป็นหัวใจสำคัญในการมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น จากการศึกษาของสมาคมจิตวิทยาอเมริกันพบว่าแม้กระทั่งสำหรับผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพอื่น ๆ การมีชีวิตทางสังคมที่ดีจะช่วยเพิ่มความรู้สึกและมีความสุขที่จะใช้ชีวิตในแต่ละวัน